ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ TMB Group 3 Blog

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สินเชื่อแบงก์เดี้ยงตามส่งออก ความต้องการเงินทุนวูบ50-60% ทีเอ็มบีชี้สินค้าเกษตรน่าห่วง

               นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) หรือทีเอ็มบีกล่าวว่าจากปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยจนถึงขั้นติดลบ 4.46%ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศไทยต้องพึ่งพิงรายได้จากการส่งออกเป็นสำคัญย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

จากปัญหาดังกล่าวทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อหมุนเวียนของลูกค้าธนาคารลดลงประมาณ 50-60% โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกสินค้าการเกษตร ยางพารา ข้าว ที่ใช้วงเงินน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการส่งออกสินค้าที่ลดลง ความจำเป็นในการใช้เงินทุนในการผลิตสินค้าก็ลดตามไปด้วย

ดังนั้นธนาคารจึงต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ลูกค้าสามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้นและจะต้องส่งผลดีต่อธุรกิจของธนาคารปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตส่งออกและการเกษตรอยู่ที่ประมาณ 20-25%ของพอร์ตรวม

อย่างไรก็ตามยอมรับว่ากลุ่มสินเชื่อเกษตรมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ดังกล่าวโดยในช่วงที่ผ่านมาก็หยุดการส่งออกสินค้า เพราะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ลูกค้าในปัจจุบันยังไม่น่าเป็นห่วงมากนักเนื่องมาจากลูกค้ามีหนี้ต่อทุนยังไม่สูง ทำให้ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ก็คาดหวังว่าหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลข้าว 7.5 แสนตันอาจจะช่วยให้ความต้องการสินเชื่อภาคการเกษตรขยายตัวได้มากขึ้น

นายบุญทักษ์กล่าวถึงแนวโน้มสินเชื่อในครึ่งปีหลังว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรกโดยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตแล้ว 6% คาดว่าครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตได้?9% ทำให้ทั้งปีเติบโตได้ตามเป้า 15%

ล่าสุดธนาคารได้ลงนามร่วมกับบริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง (PTTPM) เพื่อสนับสนุนด้านเงินทุน สภาพคล่องและระบบงานเครือข่ายพันธมิตรให้กับพีทีทีพีเอ็มและคู่ค้า ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น เช่น บริการหนังสือค้ำประกันแบบไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันบนวงเงินเบิกเกินบัญชีเพื่อผู้ค้า (Clean Letter of Guarantee on OD for Buyer) และ บริการรับซื้อลูกหนี้การค้า (Factoring) ซึ่งธนาคารได้อนุมัติวงเงิน LG ล่วงหน้าไว้แล้ว 370 ล้านซึ่งเป็นการให้วงเงินเพิ่มขึ้นภายหลังจากที่ได้ให้การสนับสนุนวงเงิน OD for Buyer ให้กับผู้แทนจำหน่ายของ PTTPM ไปแล้วก่อนหน้านี้ (21 ราย คิดรวมเป็นมูลค่ากว่า 1,051 ล้านบาท) การให้ LG on OD for Buyer ในรูปแบบของ Supply Chain Financing กับคู่ค้า จึงนับว่าเป็นมิติใหม่ของธนาคารไทยกับการให้วงเงินในรูปแบบดังกล่าว กับเอเย่นต์ของ PTTPM เพื่อใช้ในการซื้อเม็ดพลาสติก
             
นอกจากนี้ยังให้บริการบัญชีเงินฝากเพื่อการบริหารสภาพคล่อง (Liquidity Account) ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษตามระดับชั้นของจำนวนเงินที่ฝากในแต่ละวันในอัตราตั้งแต่ 0.125 -1.00%ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินฝากออมทรัพย์หรือฝากประจำทั่วไป

credit : http://www.ryt9.com/s/nnd/1479068

วิเคราะห์ข่าว :  จากปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจโลกทีชะลอตัวส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยจนถึงขั้นติดลบ ทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อหมุนเวียนของลูกค้าธนาคารลดลง 50-60% โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าการเกษตร ยางพารา ข้าว ที่ีใช้วงเงินน้อยลง ดังนั้นธนาคารจึงต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ลูกค้าสามารถาแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น ล่าสุดธนาคารได้ลงนามร่วมกับบริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง (PTTPM) เพื่อสนับสนุนด้านการเงินทุนสภาพคล่องและระบบงานเครือข่ายพันธมิต ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น


ผู้เสนอข่าว : นางสาวกนกวรรณ ภู่ระหงษ์ 53112804060

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

TMB คาด กนง.ตรึงดอกเบี้ยนโยบายจนถึงสิ้นปี มองอัตรา 3% สอดคล้องศก.ไทย


            ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี(TMB Analytics) ประเมินว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3% ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง และคาดจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกเป็นครั้งที่ 5 ในการประชุมวันที่ 5 ก.ย.นี้ แต่ด้วยโมเมนตัมเศรษฐกิจโลกที่แผ่วลง และวิกฤตหนี้ยุโรปส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก ทำให้มุมมองในการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มมากขึ้น
            TMB Analytics มองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ 3% ยังคงเป็นอัตราที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยในภาวการณ์ปัจจุบัน เพราะหากพิจารณาจากเป้าหมายของนโยบายการเงินเพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพด้านราคา จะเห็นว่าเงินเฟ้อพื้นฐานในไตรมาส 2/55 ได้แผ่วลงจาก 3 เดือนแรกของปีมาอยู่ที่ระดับ 1.9% ซึ่งใกล้กับจุดกึ่งกลางของกรอบเป้าหมายที่ กนง.ประกาศไว้ที่ 0.5-3.0% ต่อปี ทำให้แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภาวะนโยบายการเงินยังคงมีน้อย
            ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาพันธกิจควบคู่ของ ธปท.ในการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่อง จะได้ข้อสรุปที่คล้ายกันว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เนื่องจากผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ(GDP) ในปัจจุบันได้ขยายตัวสูงกว่าระดับที่ควรจะเป็น (Potential output) ประมาณ 2.5% จากอานิสงส์การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายหลังน้ำท่วมใหญ่ปีที่ผ่านมา สะท้อนจาก GDP โตดีเกินคาดในไตรมาส 2/55 ที่ขยายตัวได้ 4.2% ดังนั้นการลดดอกเบี้ยจึงอาจทำให้เศรษฐกิจไทยร้อนแรงเกินไป ส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นได้
            อย่างไรก็ดี แม้ถึงแม้การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอาจจะนำไปสู่การไหลออกของเงินทุน ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงและอาจช่วยเหลือผู้ส่งออกได้ ตามแนวคิดทฤษฎีความเสมอภาคของอัตราดอกเบี้ย(Interest parity) แต่ทฤษฎีเดียวกันนี้ก็ชี้ว่าการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงแรกจะทำให้สินทรัพย์ในประเทศมีราคาถูกลงในสายตาของต่างชาติ (หนึ่งดอลลาร์เท่าเดิมจะซื้อหุ้นไทยได้มากขึ้น) และเมื่อรวมกับเงินตราต่างประเทศที่ผู้ส่งออกอาจได้รับจากยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้บาทกลับมาแข็งค่าได้ในระยะต่อไป การควบคุมส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศไม่ให้ขยับมาก จึงเป็นการรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนไปในตัว
            "เมื่อมองเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว หากความเสี่ยงขาลงจากปัจจัยนอกประเทศ ไม่ได้ทวีความรุนแรงจนเกินคาด กนง.น่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3% จนถึงปลายปี และอาจมีแนวโน้มขาขึ้นในปีหน้าจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้จากการเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ" 


สรุปและวิเคราะห์ข่าว : TMB Analytics มองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ 3% ยังคงเป็นอัตราที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยในภาวการณ์ปัจจุบัน เพราะหากพิจารณาจากเป้าหมายของนโยบายการเงินเพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพด้านราคา จะเห็นว่าเงินเฟ้อพื้นฐานในไตรมาส 2/55 ได้แผ่วลงจาก 3 เดือนแรกของปีมาอยู่ที่ระดับ 1.9% ซึ่งใกล้กับจุดกึ่งกลางของกรอบเป้าหมายที่ กนง.ประกาศไว้ที่ 0.5-3.0% ต่อปี ทำให้แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภาวะนโยบายการเงินยังคงมีน้อย "เมื่อมองเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว หากความเสี่ยงขาลงจากปัจจัยนอกประเทศ ไม่ได้ทวีความรุนแรงจนเกินคาด กนง.น่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3% จนถึงปลายปี และอาจมีแนวโน้มขาขึ้นในปีหน้าจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้จากการเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ"
 

ผู้เสนอข่าว : นายสันติ พงษ์บริบูรณ์  ID : 53112804113

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าวเด่นประจำสัปดาห์


20 สิงหาคม – 26 สิงหาคม 2555

ปธ.บอร์ด รับสถาบันการเงินต่างชาติทาบซื้อหุ้น TMB จากคลัง,รอศึกษากฎหมาย

            ขณะนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศ แสดงความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น TMB ในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ทั้งหมด 26.09% ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาข้อกฎหมาย เนื่องจากเป็นการเข้ามาถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเกิน 25% ตอนนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศ  กำลังเวิร์คกันอยู่ ให้สคร.ศึกษาข้อกฎหมาย เพราะเขาจะเข้ามาซื้อทั้งหมดจากคลัง ส่วนไอเอ็นจี กรุ๊ป จากปัจจุบันถือหุ้น TMB ในสัดส่วน 25% และต้องการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มจากในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ แต่เนื่องจากไม่สามารถตกลงในเรื่องราคากันได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การดำเนินงานของ TMB สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบขายหุ้นออกไป

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

TMB Borderless on Stage ตอน AEC 2015 PROMPT


TMB Borderless on Stage ตอน AEC 2015 PROMPT 

22 สิงหาคม 2555
            เมื่อวันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม ที่ TMB ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดงาน "TMB Borderless on Stage ตอน AEC 2015 PROMPT เคลื่อนทัพธุรกิจไทย...สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน"
 ณ ห้องแอทธินี คริสตัล ฮอลล์ โรงแรม พลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน โดยมีนายวิกรานต์ ปวโรจน์กิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ TMB และ รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นผู้เปิดงานโดยกิจกรรมครั้งนี้ได้รับการตอบรับและสนใจเข้าร่วมงานกว่า 700 คน ซึ่งงานครั้งนี้ผู้ร่วมฟังจะได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง และแตกต่างในการนำไปใช้ในการวางแผนธุรกิจเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asian Economic Community: AEC)

         งานครั้งนี้ TMB ได้เกียรติจากวิทยากรที่ทรงคุณวุฒิไม่ว่าจะเป็น คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ที่มาแบ่งปันวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการไทยต่อการทำธุรกิจภายใต้ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน ผศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ผศ.วิจิตรา ล.เฉลิมชัยชนะ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในหัวข้อการขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่ตลาดการค้าและการลงทุนในประเทศพม่า อินโดนีเซีย และ เวียดนาม

วิเคราะห์ข่าว : 

 

Credit : http://www.tmbbank.com/newsroom/news-details.php?id=380

ผู้เสนอข่าว : นายอนุศักดิ์  บัวสมบูรณ์  ID 53112804110
 

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

TMB มั่นใจสินเชื่อเอสเอ็มอีขนาดเล็กปีนี้โตเกินเป้า 35-40%หลัง H1 โต 24

     นาย ปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชนธนาคารทหารไทย(TMB)เปิดเผยว่า ยอดสินเชื่อเอสเอ็มอี 6 เดือนแรกของปีนี้ เติบโต 15% โดยมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 114,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2554 โดยที่การขยายตัวได้ดีจากสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่ม 24%  หรือเพิ่มเป็น 54,000 ล้านบาท และสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดกลางเป็น 60,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าเติบโตสินเชื่อ 35 — 40% ตามที่ได้ตั้งไว้ ณ สิ้นปี

     ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญของลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ  แต่กลับพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีข้อจำกัดในการประกอบธุรกิจในหลายๆเรื่อง ทั้งเงินทุนที่ไม่เพียงพอความต้องการหรือแม้กระทั่งการบริหารการเงินที่ไม่คล่องตัว ซึ่งที่ผ่านมา ทีเอ็มบี เอสเอ็มอี ได้เป็นผู้พลิกแนวคิดและเป็นผู้ริเริ่มในการให้วงเงินสินเชื่อเอสเอ็มอีที่สูงเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงเป็นที่มาของสินเชื่อ 3 เท่า TMB SME  ซึ่งได้วงเงินถึง 3 เท่าของหลักประกัน ทำให้ธนาคารได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและมีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และยังส่งผลให้ยอดค้ำประกันสินเชื่อของทีเอ็มบี ภายใต้โครงการค้ำประกันราย Portfolio กับ บสย. นับตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2552  สูงเป็นอันดับ 1 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คิดเป็น 43 % ของสินเชื่อที่ค้ำประกันจาก บสย. หรือคิดเป็นวงเงินทั้งสิ้น 58,000 ล้านบาท
     นอกจากนี้ ธนาคารได้มีการออกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถบริหารธุรกรรมทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวขึ้น ด้วยบัญชีธุรกิจ One Bank One Account ที่ให้เอสเอ็มอี ฝาก ถอน โอนเงิน หรือฝากเช็ค ได้ที่สาขาไหนก็ได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมข้ามเขต ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีโดยมีการเปิดบัญชีประเภทลูกค้าธุรกิจกว่า 2,000 ราย หลังจากได้มีการได้มีการเปิดตัวเพียง 2 เดือนตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา
     สำหรับแผนงานครึ่งปีหลังนั้น ธนาคารยังคงเน้นออกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลธุรกรรมทางการเงินทั้งระบบ เพื่อเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงการบริหารจัดการธุรกรรมการเงินที่มีประสิทธิภาพ ที่ง่ายและสะดวกที่สุดให้ได้มากขึ้น  ตอกย้ำเป้าหมายในการเป็นธนาคารที่ให้บริการธุรกรรมทางการเงินที่ดีที่สุด ( The Best Transactional Banking) และลูกค้าเลือกใช้เป็นธนาคารหลักในการทำธุรกรรม

วิเคราะห์ข่าว : ธนาคารทหารไทย(TMB)เปิดเผยว่า ยอดสินเชื่อเอสเอ็มอี 6 เดือนแรกของปีนี้ เติบโต 15% โดยมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 114,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2554 โดยที่การขยายตัวได้ดีจากสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่ม 24%  หรือเพิ่มเป็น 54,000 ล้านบาท และสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดกลางเป็น 60,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าเติบโตสินเชื่อ 35 — 40% ตามที่ได้ตั้งไว้ ณ สิ้นปี


ผู้เสนอข่าว : นายธงไชย เขมาธร ID 53112804112

ปธ.บอร์ด รับสถาบันการเงินต่างชาติทาบซื้อหุ้น TMB จากคลัง,รอศึกษากฎหมาย


นางเสาวนีย์ กมลบุตร รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ขณะนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศ แสดงความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น TMB ในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ทั้งหมด 26.09%  ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาข้อกฎหมาย เนื่องจากเป็นการเข้ามาถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเกิน 25%
                "ตอนนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศ  ไม่ใช่จากเมย์แบงก์ หรือแบงก์จากมาเลเซีย ไม่เคยมีการติดต่อมา และไม่ใช่จากแถบเอเซีย ตอนนี้กำลังเวิร์คกันอยู่ ให้สคร.ศึกษาข้อกฎหมาย เพราะเขาจะเข้ามาซื้อทั้งหมดจากคลัง" นางเสาวนีย์ กล่าว
                ส่วนไอเอ็นจี กรุ๊ป จากปัจจุบันถือหุ้น TMB ในสัดส่วน 25% และต้องการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มจากในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แม้ไอเอ็นจีกรุ๊ปยังแสดงความสนใจที่ต้องการซื้อหุ้นเพิ่ม แต่เนื่องจากไม่สามารถตกลงในเรื่องราคากันได้ ขณะเดียวกันไอเอ็นจีกรุ๊ปไม่ได้มีท่าทีที่จะขายหุ้นทิ้งด้วย
                "ที่เห็นเขา (ไอเอ็นจี) ขายทรัพย์สินที่โน่น แต่เขาก็ยังจะอยู่ที่นี่...ที่ยังไม่สรุปยอมรับว่าเพราะตกลงเรื่องราคาไม่ได้ ทางเขาก็อยากได้ราคาถูก ทางเราก็ยังขายราคาสูง" นางเสาวนีย์ กล่าว
                อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การดำเนินงานของ TMB สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบขายหุ้นออกไป


สรุปและวิเคราะห์ข่าว ขณะนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศ แสดงความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น TMB ในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ทั้งหมด 26.09%  ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาข้อกฎหมาย เนื่องจากเป็นการเข้ามาถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเกิน 25%ตอนนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศ  กำลังเวิร์คกันอยู่ ให้สคร.ศึกษาข้อกฎหมาย เพราะเขาจะเข้ามาซื้อทั้งหมดจากคลัง ส่วนไอเอ็นจี กรุ๊ป จากปัจจุบันถือหุ้น TMB ในสัดส่วน 25% และต้องการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มจากในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ แต่เนื่องจากไม่สามารถตกลงในเรื่องราคากันได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การดำเนินงานของ TMB สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบขายหุ้นออกไป

ผู้เสนอข่าว : นางสาว สุติมา  บุญฉิม  ID. 53112804119

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าวเด่นประจำสัปดาห์


13 สิงหาคม – 19 สิงหาคม 2555

ทีเอ็มบีจัดทัพทรัพย์สินรอการขาย

            ทีเอ็มบี เชิญชวนลูกค้าร่วมงาน อภิมหกรรม บ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี ระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2555 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษ 2 ต่อสำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินในงานนี้ ต่อที่หนึ่ง รับส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 50% ต่อที่ 2 โปรโมชั่นพิเศษชุด คอมโบเซ็ต รับส่วนลดพิเศษเพิ่มอีกรายการละ 10% สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินที่ราคาประกาศขายไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 2 รายการ และหากลูกค้าซื้อทรัพย์สินมากกว่า 2 รายการ ก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีกรายการละ 20% จากราคาที่ลดแล้วอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โบรกฯหนุนเก็ง TMB ต่างชาติสนใจซื้อหุ้นจากคลัง,P/BVปัจจุบันต่ำกว่ากลุ่ม



                บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ดีลการขายหุ้น ธนาคารทหารไทย (TMB) ที่กระทรวงการคลังถืออยู่ 11,364.3 ล้านหุ้นหรือ 26.09% อาจจะต้องใช้เวลาในการเจรจาอีกระยะหนึ่ง สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารช่วง 6 เดือนแรกของปี 55 มีกำไรสุทธิ 2,294.6 ล้านบาท (EPS : 0.05 บาท) ซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบ YoY แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น 21%YoY เป็น 7,988.8 พันล้านบาท และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโต 11%YoY เป็น 2,058.8 ล้านบาท แต่ถูกชดเชยไปด้วยการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่เพิ่มขึ้น 138%YoY เป็น 2,173.9 ล้านบาท อย่างไรก็ดี นับว่าผลการดำเนินงานของธนาคารก่อนตั้งสำรองค่าเผื่อฯ มีการเติบโตที่ดีขึ้นมาก สินเชื่อ 6M55 ขยายตัวได้ 6%YTD ส่วน BVS ณ สิ้นมิ.ย.55 เท่ากับ 1.29 บาท ณ ราคาปัจจุบันที่ 1.58 บาท ซื้อขายที่ Current P/BV 1.22 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.90 เท่า
                ดังนั้นจึงแนะนำ"ซื้อเก็งกำไร" TMB สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1.60-1.65, 1.70 บาท ต่ำกว่า 1.50 Stop loss ตามที่ นางเสาวนีย์ กมลบุตร รองปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานกรรมการธนาคารทหารไทย (TMB)ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศแสดงความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น TMB ที่กระทรวงการคลังถืออยู่ ทั้งหมด 26.09% (โดยไม่ใช่ Maybank ของมาเลเซียและไม่ใช่ธนาคารในแถบเอเชีย ส่วน ING group ที่ถือหุ้น TMB อยู่แล้ว 25.19% ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาเพราะไม่สามารถตกลงเรื่องราคากันได้ แต่ทาง ING group ก็ไม่ได้มีท่าทีจะขายหุ้นที่ถืออยู่) ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาข้อกฎหมายในการเข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเข้ามาถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเกิน 25%

สรุปข่าว :บทวิเคราะห์การขายหุ้น ธนาคารทหารไทย แนะนำซื้อเก๊งกำไร ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1.60-1.65, 1.70 บาท ต่ำกว่า 1.50 Stop loss รองปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานกรรมการธนาคารทหารไทย กล่าวว่าขณะนี้มีสถาบันการเงินต่างประเทศได้แสดงความสนใจในการเข้ามาซื้อหุ้นของธนาคารทหารไทยที่ทางกระทรวงการคลังถืออยู่ทั้งหมด 26.09% โดยไม่ใช่ผู้ที่ถือหุ้นของธนาคารทหารไทยอยู่ก่อนหน้านี้แล้วแต่ยังไม่มีความคืบหย้าในการเจรจาเพราะยังไม่สามารถตกลงราคากันได้ ) ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาข้อกฎหมายในการเข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเข้ามาถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเกิน 25%

โดย : นางสาวณัฐชนิดา ชูสกุล 53112804109

 ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2555 09:44:56 น.

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

TMB มองการใช้เป้าหมายเงินเฟ้อขึ้นกับการจัดลำดับความสำคัญนโยบายเศรษฐกิจมหภาค


      
         ศูนย์วิเคราะห์ศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) ระบุว่า นโยบายการเงินแบบเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) ยังจะเหมาะกับเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เพราะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในทุกมิติพร้อมๆกัน
ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)ได้ประมวลข้อมูลของประเทศที่ใช้เป้าหมายเงินเฟ้อกับไม่ใช้เป้าหมายเงินเฟ้อ พบว่า ในสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเปรียบเทียบกันแล้ว ประเทศที่ใช้เป้าหมายเงินเฟ้อ มีระดับเงินเฟ้อที่ลดลง อีกทั้งมีเสถียรภาพของอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและระดับราคามากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะเห็นผลได้ชัดกว่าในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ แม้บางช่วงเวลาจะถูกกระทบจากวิกฤตภายนอกก็ตาม  ซึ่งถ้าหากต้องการให้ธนาคารกลางมีช่องในการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนมากขึ้น ก็อาจใช้วิธีขยับเป้าเงินเฟ้อกรอบบนให้สูงขึ้นในระดับที่สมควรได้ เพื่อลดข้อจำกัดของผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจจะแรงไปบ้างเป็นบางขณะ  รวมทั้ง มีการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนเพียงเท่าที่จะเกิดผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศอย่างมีนัยสำคัญเท่านั้น


         ก่อนมาเป็น “เป้าหมายเงินเฟ้อ" ประเทศไทยเคยใช้นโยบายการเงินมาแล้วหลายรูปแบบ ทั้ง เป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน (ก่อนกรกฎาคม 2540)  และ เป้าหมายปริมาณเงิน (กรกฎาคม 2540 ถึง กลางไตรมาสสองปี 2543) แม้นโยบายการเงินแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยหากพิจารณาประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วจะเห็นได้ว่า ในช่วงที่ใช้เป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน เศรษฐกิจไทยมีความร้อนแรง และเครื่องชี้วัดด้านราคาทรงตัวในระดับค่อนข้างสูง แต่หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยปรับมาใช้เป้าหมายเงินเฟ้อ ทำให้ระดับราคามีเสถียรภาพมากขึ้น และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำลงมา แต่ก็มิได้แย่ซะทีเดียว โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (เป็นอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสด) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ตั้งไว้เกือบจะร้อยทั้งร้อย (ปี 2543-2552 กรอบคือ 0% - 3.5% สำหรับปี 2553 เป็นต้นมา กรอบคือ 0.5% - 3.0%) แต่ปัจจัยการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เร็วขึ้น ย่อมทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน จนอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจได้ ทำให้มีบางมุมมองเสนอว่า นโยบายการเงินแบบเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนอาจจะใช้ได้ผลดีกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อหรือไม่ ในการบริหารเศรษฐกิจระดับมหภาค "หากผู้ดำเนินนโยบายการเงินต้องการใช้เป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างเสถียรภาพภายนอก ก็ต้องแลกกับความผันผวนของการเติบโตทางเศรษฐกิจและระดับราคาในประเทศที่อาจมากขึ้น ในทางกลับกัน หากผู้ดำเนินนโยบายต้องการรักษาเสถียรภาพด้านราคาและการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ อาจต้องยอมรับความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น  ฉะนั้น มุมมองที่แตกต่างกัน เพียงสะท้อนให้เห็น ถึงการให้ความสำคัญของเป้าหมายนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่เหมือนกัน โดยท้ายสุดจะออกหัวหรือก้อยนั้น คงต้องกลับไปมองที่เป้าหมายและบทบาทของธนาคารกลาง" TMB Analytics ระบุ


วิเคราะห์ข่าว : TMB Analytics  ระบุว่า นโยบายการเงินแบบเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) ยังจะเหมาะกับเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เพราะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในทุกมิติพร้อมๆกัน แต่ปัจจัยการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เร็วขึ้น ย่อมทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน จนอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจได้ ทำให้มีบางมุมมองเสนอว่า นโยบายการเงินแบบเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนอาจจะใช้ได้ผลดีกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อหรือไม่ ในการบริหารเศรษฐกิจระดับมหภาค

ผู้เสนอข่าว : นายวรพงษ์ เจริญสรรพพืช ID : 53112804116

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าวเด่นประจำสัปดาห์

6 สิงหาคม – 12 สิงหาคม 2555


บิ๊กซี ประสบความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์เงินกู้ 32,000 ล้านบาท
               
                บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในข้อตกลงรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนวน 32,000 ล้านบาท กับ บมจ. ธนาคารทหารไทย และประสบความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนวน 32,000 ล้านบาท ที่ครบกำหนดชำระในเดือนกรกฎาคม 2555 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2555 โดยเงินกู้ที่รีไฟแนนซ์ มีระยะเวลาการชำระเงินระหว่าง 2 ถึง 7 ปี และมีเงื่อนไขการชำระเงินที่เป็นประโยชน์กับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บิ๊กซี ประสบความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์เงินกู้ 32,000 ล้านบาท


             
                บมจ. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ประสบความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนวน  32,000 ล้านบาท ที่ครบกำหนดชำระในเดือนกรกฎาคม 2555 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2555 บมจ
.              บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ลงนามในข้อตกลงรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนวน 32,000 ล้านบาท กับ บมจ. ธนาคารกรุงไทย บมจ. ธนาคารทหารไทย และธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด (สาขากรุงเทพฯ) โดยเงินกู้ที่รีไฟแนนซ์ดังกล่าว มีระยะเวลาการชำระเงินระหว่าง 2 ถึง 7 ปี และมีเงื่อนไขการชำระเงินที่เป็นประโยชน์กับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ

Credit : http://www.ryt9.com/s/prg/1434743

วิเคราะห์ข่าว : บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในข้อตกลงรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนวน 32,000 ล้านบาท กับ บมจ. ธนาคารทหารไทย และประสบความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนวน  32,000 ล้านบาท ที่ครบกำหนดชำระในเดือนกรกฎาคม 2555 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2555 โดยเงินกู้ที่รีไฟแนนซ์ มีระยะเวลาการชำระเงินระหว่าง 2 ถึง 7 ปี และมีเงื่อนไขการชำระเงินที่เป็นประโยชน์กับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ

 ผู้วิเคราะห์ข่าว : นาย กฤศ ชัยประดิษฐ ID : 53112804114

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ทีเอ็มบี ท้าคนเมือง เปลี่ยนตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่า สร้างสุขภาพพร้อมสร้างสิ่งดีๆให้สังคม


กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--ทีเอ็มบี
          ทีเอ็มบี ท้าคนเมือง เปลี่ยนตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่า สร้างสุขภาพพร้อมสร้างสิ่งดีๆให้สังคมในมินิมาราธอน “TMB ING ParkRun 2012” ประสบการณ์ใหม่ ที่วิ่งแข่งกับตัวเองใน 3 สวนสวย พร้อมต่อลมหายใจให้ “น้องเนิร์ธ” เด็กที่ป่วยเป็นโรคถูกสาป ทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ING Bank (ไอเอ็นจี แบงค์) ชวนทุกคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยไม่ต้องรอ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมสร้างสิ่งดีๆให้สังคม ในกิจกรรมเดิน-วิ่งมินิมาราธอนการกุศล                           
  “TMB ING ParkRun 2012” ประสบการณ์การวิ่งรูปแบบใหม่ ที่ให้ทุกคนไม่ต้องแข่งขันกับใครนอกจากตัวเอง พร้อมช่วยต่อลมหายใจให้ “น้องเนิร์ธ” ผู้ป่วยเด็กโรคถูกสาป (Ondine’s Curse) ที่อายุน้อยที่สุดเพียง 11 เดือน ให้สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติ นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) เทียบเท่ามาตรฐานสากลของงานวิ่งมาราธอนระดับโลกมาใช้ในการจับเวลาในการวิ่งของแต่ละคน นับเป็นการท้าทายและกระตุ้นคนเมืองให้เริ่มต้นเปลี่ยนตัวเองง่ายๆ เพื่อสิ่งที่ดีกว่าด้วยการวิ่งภายใน 3 สวนสาธารณะใหญ่ ใจกลางกรุงเทพฯ ครอบคลุมสวนจตุจักร สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ในวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2555 โดยรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายบัตรโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ พร้อมเงินสมทบจากทีเอ็มบี ที่จะมอบให้อีก 10 บาท ในทุกๆ 1 กิโลเมตร ของนักวิ่งทุกคนที่เข้าร่วมรายการ จะมอบให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องช่วยหายใจและการรักษาน้องเนิร์ธ และผู้ป่วยเด็กโรคถูกสาปคนอื่นๆ


         นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ปีนี้ ธีมของงาน TMB ING ParkRun ท้าทายให้ทุกคนได้แข่งขันกับตัวเอง เริ่มต้นเปลี่ยนแปลง หรือ Make THE Difference ทำไมต้องรอ จากตัวของคุณเอง ด้วยเทคโนโลยี RFID ซึ่งเป็นระบบการจับเวลา ที่สามารถวัดระยะเวลาที่ใช้ในการวิ่ง และวัดระยะทางที่วิ่งได้ จะได้รับทราบเวลาของตัวเอง เพื่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีกว่า
อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ สำหรับบางคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ไม่เคยวิ่ง อาจคิดว่าทำไม่ได้ แต่ในปีนี้ มีแรงกระตุ้น ในเรื่องการช่วยต่อลมหายใจให้ผู้ป่วยเด็กโรคถูกสาป นักวิ่งบางคนที่คิดจะหยุดตัวเอง ก็อาจจะวิ่งต่อเพื่อผู้ป่วย แล้วเราจะได้ค้นพบความลับที่ว่า แต่ละคนนั้นมี “พลัง” อย่างมากมายมหาศาล ที่จะทำ สิ่งดีๆ ให้กับตนเองและคนอื่น ครั้งนี้จะทำให้คุณได้ค้นพบพลังของตัวเอง”
ด้าน มร.วอน นิเจล ริกเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไอเอ็นจี แบงกิ้ง เอเชีย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมรู้สึกดีมากกับตัวเอง หลังจากที่ผมได้เข้าร่วมวิ่ง 4 กม.เมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาผมก็มักจะหาเวลาว่างเพื่อที่จะวิ่งและออกกำลังกายอยู่เสมอ เช่นเดียวกับทีเอ็มบี ไอเอ็นจี เองก็ต้องการท้าทายและส่งเสริมให้ทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงาน ที่ไม่ใส่ใจหรือไม่มีโอกาสในการออกกำลังกาย ได้ลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง ซึ่งผมเชื่อว่ากิจกรรมในปีนี้ ที่นำเอาเทคโนโลยี RFID เข้ามาใช้จับเวลาและเป็นตัวกำหนดผู้ชนะของการแข่งขัน จะได้รับการตอบรับที่ดี จากกลุ่มคนที่ต้องการปลุกเร้าพลังในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นจำนวนมาก เพราะจะเป็นการท้าทายให้แข่งขันกับตัวเอง มากกว่าแข่งกับคนอื่น และส่วนตัวผมเอง ได้ตั้งเป้าวิ่งให้ได้เวลาที่ดีกว่าเดิมในปีนี้”
         นอกจากนี้ ดาราหนุ่มอารมณ์ดี พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์ หนุ่มหล่อ มิกซ์ ร.ต.ดร. ณัฐกริช เปาอินทร์ ดีไซเนอร์ สาวเก๋ หญิงแอร์ ม.ร.ว.จันทรลัดดา ยุคล และวีเจหนุ่มนักเต้น เต้ย ธโนทัย เอื้ออมรรัตน์ ยังขอเป็นกลุ่มแรก ที่จะรับคำท้า ร่วมวิ่งเพื่อเปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่า ในงาน TMB ING ParkRun 2012 ครั้งนี้ด้วย พร้อมจุดประกายหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ให้เริ่มต้น Make THE Difference วันนี้ด้วยกันด้วยการวิ่ง เพื่อตอกย้ำแนวคิดว่า “ทำไมต้องรอ เพื่อที่ จะทำสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง” โดย
ดีไซเนอร์สาวเก๋ หญิงแอร์ - ม.ร.ว.จันทรลัดดา ยุคล กล่าวว่า “ปกติแอร์เป็นคนที่ชอบออกกำลังกายมาก และคิดว่าการที่เราจะเสียสละวันเพียง 1 วันมาวิ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากเราจะได้สุขภาพที่ดีแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือชีวิตของเด็กคนหนึ่งได้ และแอร์ก็ได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าอยากจะมีเวลาในการดูแลตัวเอง ให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นทุกวัน”
         ส่วน ร.ต. ดร.ณัฐกริช เปาอินทร์ กล่าวว่า “โดยปกติแล้วผมจะออกกำลังกายด้วยการยก Weight เพราะผมชอบตีกอล์ฟ จึงเน้นออกกำลังกายที่สามารถพัฒนาวงสวิงของผม นอกจากนี้ผมยังวิ่งทุกวัน วันละประมาณ 10 กิโลเมตร และทุกครั้งที่วิ่งผมก็มักจะคิดถึงหน้าของคนที่เรารักไปตลอดทาง แต่นับจากวันนี้ผมจะนึกถึงหน้าของน้องเนิร์ธทุกครั้งที่ออกตัววิ่ง เพราะการวิ่งในวันที่ 9 กันยายน นั้น จะสามารถช่วยเหลือชีวิตของเด็กคนหนึ่งได้ และเชื่อเถอะครับว่าทุกย่างก้าวที่คุณวิ่ง คืออนาคตที่สดใสของน้องๆ ที่ป่วยเป็นโรคถูกสาปทุกคน สำหรับตัวผมเองได้ตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย ด้วยการนำความรู้ทางด้านนโยบายสาธารณะ และระเบียบวินัย ที่ผมได้เรียนมา ให้เป็นประโยชน์กับการเมืองของไทยในอนาคต”
          ด้านดาราหนุ่มอารมณ์ดี พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์ กล่าวว่า “ตัวผมเองเป็นคนเล่นกีฬาหลายอย่างมาก ทั้งบาสเก็ตบอล แบดมินตัน หรือปีนเขา ผมมองว่าทุกคนสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของตัวเองได้เสมอ โดยเริ่มจากการสร้างความแตกต่าง ต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าลอง และเริ่มสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเราเอง และผมจะตื่นเช้า ซึ่งไม่เคยทำมาก่อนในวันที่ 9 กันยายน นี้ เพื่อต่อลมหายใจให้กับน้องเนิร์ธ สำหรับเป้าหมายที่ผมตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงคือ ผมจะพยายามให้ตัวเองเข้านอนให้เร็วขึ้น เพราะการนอนเร็วจะทำให้รู้สึกสดชื่นในตอนเช้า และทำให้มีสุขภาพดี”
วีเจหนุ่มนักเต้น เต้ย ธโนทัย เอื้ออมรรัตน์ กล่าวว่า “ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายประเภท B-Boy และการเต้นมากๆ แต่ด้วยการทำงานของผมที่ต้องนอนตอนเช้าจึงทำให้ไม่มีโอกาสในการออกกำลังกายในตอนเช้าเหมือนคนอื่นๆ ดังนั้นผมจึงคิดว่า การที่เราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเองสักครั้งด้วยการวิ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย เพราะไม่ว่าจะระยะทางเท่าใด ขอเพียงแค่วิ่งไปข้างหน้าก็จะพบกับจุดหมายของตัวคุณเอง ซึ่งเป้าหมายของผมก็คือ ผมจะต้องตื่นในตอนเช้า เพื่อที่จะลุกขึ้นมาวิ่ง และสูดอากาศบริสุทธิ์ไปพร้อมๆกัน”
          กิจกรรม TMB ING Parkrun 2012 จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2555 โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภท คือ การเดินระยะทาง 2 กิโลเมตร วิ่ง ระยะทาง 4 กิโลเมตร และ 10.5 กิโลเมตร ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครเพื่อซื้อบัตรเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่ ทีเอ็มบี พหลโยธิน (สำนักงานใหญ่) สาขาสยามพารากอน ชั้น 4 สาขาอาคารญาดา สีลมและที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา ในราคา 250 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป รายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายบัตรโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ พร้อมเงินสมทบจากทีเอ็มบี ที่จะมอบให้อีก 10 บาท ในทุกๆ 1 กิโลเมตร ของนักวิ่งทุกคนที่เข้าร่วมรายการ จะซื้อเครื่องช่วยหายใจและเป็นค่ารักษาสำหรับผู้ป่วยเด็กโรคถูกสาป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TMB Call Center 1558 หรือ www.tmbbank.com/parkrun และทาง www.facebook.com/TMBmakeTHEdifference

        Credit : http://www.ryt9.com/s/prg/1460572

        วิเคราะห์ข่าว : ทางธนาคารหทารไทยจัดให้มีการวิ่งมินิมาราธอนในงาน “TMB ING ParkRun    2012” วิ่งใน 3 สวนสวยสวนจตุจักร สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ในวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2555 พร้อมต่อลมหายใจให้กับ น้องเนิร์ธอายุ 11 เดือน ผู้ป่วยโรคถูกสาปหรือOdine's curse  โดยรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายบัตรโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ พร้อมเงินสมทบจากทีเอ็มบี ที่จะมอบให้อีก 10 บาท ในทุกๆ 1 กิโลเมตร ของนักวิ่งทุกคนที่เข้าร่วมรายการ จะมอบให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องช่วยหายใจและการรักษาน้องเนิร์ธ และผู้ป่วยเด็กโรคถูกสาปคนอื่นๆ

       ผู้วิเคราะห์ข่าว : นายวรพงษ์  เจริญสรรพพืช ID : 53112804116

TMB ออกประกันสุขภาพชัวร์100% ครอบคลุมผู้ป่วยนอก-ใน เจาะกลุ่มอาชีพอิสระ

    นางกาญจนา โรจวทัญญู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนารูปแบบประกันสุขภาพเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของทุกกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว กลุ่มลูกค้าที่ทำอาชีพอิสระ รวมทั้ง กลุ่มเด็กที่ยังไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาล เราจึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการคุ้มครองสุขภาพที่ครอบคลุมในส่วนของผู้ป่วยนอกขึ้นมาเพื่อแบ่งเบาภาระของลูกค้า จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ ทีเอ็มบี ประกันสุขภาพ ชัวร์ 100% พร้อมผู้ป่วยนอก หรือ TMB Health Care Plus OPD 100% Sure จึงเป็นประกันสุขภาพที่มอบความคุ้มครองกับผู้เอาประกันตั้งแต่อายุ 7 - 70 ปี  ครอบคลุมทั้งกรณีของผู้ป่วยนอก ไม่ว่าจะเป็นหวัด ปวดหัว ตัวร้อนหรือ ถ้ามีเหตุจำต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน

    ลูกค้า จะได้รับความคุ้มครองทั้งหมด ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่าแพทย์ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากการรักษาพยาบาล สูงสุดถึง 30,000 บาท ต่อโรคหรืออุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันภัยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินก่อน และยังได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปและกลับในการรักษาตัวของผู้ป่วยในที่ต้องนอนโรงพยาบาล จำนวน 1,000 บาท ต่อครั้ง ด้วยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 8,000 บาท และยังสามารถแบ่งจ่ายได้ 0% นาน 3 เดือน พร้อมรับคะแนนสะสม สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตทีเอ็มบี
และเพื่อเป็นการแสดงความรักในช่วงเทศกาลวันแม่ 12 สิงหาที่จะมาถึงนี้ ลูกๆ สามารถมอบของขวัญเพื่อแสดงความรักและความห่วงใยด้วยการมอบกรมธรรม์ประกันสุขภาพให้กับคุณพ่อ คุณแม่ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อประกันสุขภาพ ให้คุณพ่อ คุณแม่ จะสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย และผู้เอาประกันสามารถซื้อได้ถึง 2 กรมธรรม์ต่อท่าน นับเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการวางแผนความคุ้มครองสุขภาพพิเศษให้กับตัวคุณและคนที่คุณรัก
"ความพิเศษสุด สุดของ ทีเอ็มบี ประกันสุขภาพ ชัวร์ 100% พร้อมผู้ป่วยนอก คือ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ลูกค้ามีประวัติดี ไม่มีการเคลมตลอดทั้งปี ธนาคารจะลดค่าเบี้ยประกันทันที 10% ของค่าเบี้ยประกันปีแรก ลูกค้าสามารถสมัครซื้อกรมธรรม์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ TMB ทุกสาขาทั่วประเทศ" นางกาญจนา กล่าว

วิเคราะห์ข่าว : ทางธนาคารทหารไทยได้ออกผลิตภัณฑ์ ทีเอ็มบี ประกันสุขภาพ ชัวร์ 100% พร้อมผู้ป่วยนอก หรือ TMB Health Care Plus OPD 100% Sure จึงเป็นประกันสุขภาพที่มอบความคุ้มครองกับผู้เอาประกันตั้งแต่อายุ 7 - 70 ปี  ครอบคลุมทั้งกรณีของผู้ป่วยนอก ไม่ว่าจะเป็นหวัด ปวดหัว ตัวร้อนหรือ ถ้ามีเหตุจำต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน  ลูกค้า จะได้รับความคุ้มครองทั้งหมด ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่าแพทย์ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากการรักษาพยาบาล สูงสุดถึง 30,000 บาท ต่อโรคหรืออุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันภัยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินก่อน และยังได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปและกลับในการรักษาตัวของผู้ป่วยในที่ต้องนอนโรงพยาบาล จำนวน 1,000 บาท ต่อครั้ง ด้วยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 8,000 บาท และยังสามารถแบ่งจ่ายได้ 0% นาน 3 เดือน


ผู้เสนอข่าว : นายธงไชย เขมาธร ID 53112804112