ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ TMB Group 3 Blog

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ออกโรงเตือนนักช็อปมือเติบรูดปื้ดช่วงปีใหม่เสี่ยงหนี้ท่วมหัว


          ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ออกโรงเตือนผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตในช่วงเทศกาลปลายปี เพราะตัวเลขยอดบัตรเครดิตอาจพุ่งกว่า 30% หรือ 3.5 หมื่นล้านบาท แนะผู้บริโภคควรรูดอย่างมีสติ ควบคุมการใช้จ่าย และเลี่ยง "5 พฤติกรรมเสี่ยง" สู่ความเป็นหนี้
ในช่วงเทศกาลใหญ่ปลายปีซึ่งได้แก่คริสต์มาสและปีใหม่ เป็นช่วงที่ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยสูงมากกว่าปกติ รวมทั้งบรรดาห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็มีการจัดโปรโมชั่นมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าไปช็อปปิ้งกันอย่างคึกคัก และแน่นอนว่าบัตรเครดิตจะถูกนำออกมาใช้มากที่สุดในช่วงนี้เช่นกัน เพราะนอกจากจะได้รับความสะดวกแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น

          จากการวิเคราะห์ พบว่าประชาชนอาจใช้จ่ายต่อบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นกว่า 30% หรือจากประมาณ 6,100 บาทต่อบัตรต่อเดือน ในช่วงเวลาทั่วไปเป็น 8,100 บาท ในเดือนธันวาคมปีนี้ และคาดว่าจะทำให้มีเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนนี้ถึง 3.5 หมื่นล้านบาท
แม้ว่าเงินพลาสติก หรือ บัตรเครคิต อาจดีกว่าหากเทียบกับเงินสด เพราะทำให้ได้สินค้าและบริการมาก่อน แต่จ่ายเงินทีหลัง แถมมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ พ่วงมากมาย เช่น เปอร์เซ็นต์ส่วนลด หรือสะสมแต้มแลกของรางวัล แต่ผู้ถือบัตรพึงระวังต้นทุนที่ตามมาจากความสะดวกนี้ด้วย เพราะเป็นการใช้เงินล่วงหน้าที่หยิบยืมมาจากผู้ออกบัตร ซึ่งต้องจ่ายคืนด้วยเงินในอนาคตของตนเอง
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี แนะให้พิจารณาก่อนรูด เริ่มจากดูก่อนว่ามีบัตรเครดิตกี่ใบ งวดชำระวันไหน ดอกเบี้ยเท่าไหร่ และมีความสามารถในการชำระหนี้เท่าไร ถ้าใช้ไปแล้วเป็นการแบกหนี้อยู่หรือไม่ และหลีกเลี่ยง "5 พฤติกรรมเสี่ยง" คือ 
         1.ใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดเพียงเพราะความสะดวก เพราะไม่เห็นเงินสดไหลออกจากกระเป๋า จึงควบคุมการใช้จ่ายได้ยาก ถ้าถือบัตร 3 ใบ นั่นหมายถึงว่าอาจจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 24,300 บาท เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 
         2.รูดบัตรเกินวงเงิน เพราะจะทำให้เสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าอัตราปกติ และเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทั้งสอง อาจต้องทำบันทึกค่าใช้จ่ายพร้อมกับตรวจเช็คการใช้จ่ายอยู่เสมอ
         3.ถูกแรงดึงดูดจากบัตรเครดิตโน้มน้าวใจ เช่น มีของแถมมาล่อใจจนต้องใช้จ่าย จนทำให้ต้องแบกภาระหนี้สินมากเกินไป 4.ชำระเงินไม่ตรงเวลา เพราะนอกจากต้องเสียดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติแล้ว ยังทำให้มีประวัติการชำระเงินที่ไม่ดีบันทึกอยู่ในเครดิตบูโร (บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด) ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการขอสินเชื่อต่างๆ ในอนาคต เห็นได้จากหนี้เสียของลูกหนี้บัตรเครดิต (NPL) ของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มจาก 2% ตอนต้นปีเป็น 2.5% ในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ดี ถ้าวันที่ต้องชำระเงินไม่สอดคล้องกับรายรับที่จะเข้ามา ควรปรึกษาผู้ออกบัตรเพื่อกำหนดวันชำระเงินให้เหมาะสม และ 5.การจ่ายเพียงแค่ยอดขั้นต่ำ จะก่อให้เกิดดอกเบี้ยเป็นเงาตามตัว และนำไปสู่ภาระหนี้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น ถ้ารูดบัตร 10,000 บาท และชำระขั้นต่ำเพียง 1,000 บาทต่อเดือน จะทำให้ต้องแบกภาระหนี้ไปถึง 11 เดือน จากการวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่า ยอดหนี้บัตรเครดิตของคนไทยในปัจจุบันมากกว่าครึ่งเป็นหนี้ค้างชำระสะสมจากเดือนก่อนหน้า ทำให้ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยมากถึง 20% ต่อปี

        ช่วงเทศกาลปีนี้จึงควรรูดบัตรอย่างมีสติ คิดก่อนใช้ เพื่อรักษาเครดิตของตัวเองไว้ เผื่อว่าในอนาคตมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินสินเชื่ออื่นๆ นอกเหนือจากบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืมเงินเพื่อที่อยู่อาศัย ลงทุนธุรกิจ หรือซื้อรถยนต์ จะได้ไม่เป็นปัญหาทีหลัง

         ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานการให้บริการธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ล่าสุดเดือน ต.ค.ของปี 55 พบว่ายังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงต่อเนื่อง โดยสิ้นเดือน ต.ค.ยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตมีทั้งสิ้น 231,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.76% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปริมาณบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีปริมาณบัตรทั้งสิ้น 16.72 ล้านบัตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1.48 ล้านบัตร หรือเพิ่มขึ้น 9.71%

         ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมทั้งสิ้น 117,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 17,100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.09% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 23,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นสูงถึง 24.31% โดยหากพิจารณาตามประเภทการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่างๆ พบว่าปริมาณการใช้จ่ายในประเทศมีทั้งสิ้น 96,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 14,100 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 17.20% และหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 23,400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 32.22%

         ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศมีทั้งสิ้น 7,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 1,610 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.74% และหากเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 2,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 50.07% สำหรับการเบิกเงินสดล่วงหน้าของผู้ถือบัตรเครดิต ในเดือน ต.ค.มีทั้งสิ้น 13,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1,450 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.71% แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกลับลดลงเกือบ 3,000 ล้านบาท หรือลดลงสัดส่วน 17.72%

          สำหรับการปล่อยสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของ ธปท. ล่าสุดในเดือน ต.ค.ของปีนี้ พบว่าจำนวนบัญชี และยอดสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อของนอนแบงก์ โดยปัจจุบันยอดคงค้างสินเชื่อทั้งระบบมีทั้งสิ้น 244,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 32,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 15.44%

         ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจำนวนบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลในระบบสิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีทั้งสิ้น 9.64 ล้านบัญชี ส่วนนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 110,000 บัญชี และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 800,000 บัญชี หรือเพิ่มขึ้นสัดส่วน 9.05% แสดงให้เห็นถึงการเร่งเพิ่มยอดสินเชื่อบุคคลของทั้งธนาคารพาณิชย์ และนอนแบงก์ โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของนอนแบงก์มากที่สุด 495,000 บัญชี ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น 328,000 บัญชี แต่สาขาธนาคารต่างชาติสวนกระแส โดยจำนวนบัญชีลดลง 23,000 บัญชี

          อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ธปท.กำลังติดตามการก่อหนี้ และการกลายเป็นหนี้เสียของลูกหนี้รายย่อยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเริ่มเห็นยอดการค้างชำระหนี้ของลูกหนี้รายย่อย 1-2 เดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่ออุปโภคบริโภคบุคคลในช่วงปีหน้าจะยังคงเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง แต่คาดว่าจะเป็นระดับการขยายตัวที่ชะลอลงจากปีนี้

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/bmnd/1547175

สรุปข่าว :   ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ออกโรงเตือนผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตในช่วงเทศกาลปลายปี เพราะตัวเลขยอดบัตรเครดิตอาจพุ่งกว่า 30% หรือ 3.5 หมื่นล้านบาท แนะผู้บริโภคควรรูดอย่างมีสติ ควบคุมการใช้จ่าย และเลี่ยง "5 พฤติกรรมเสี่ยง" สู่ความเป็นหนี้ คือ 1. ใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดเพียงเพราะความสะดวก
      2. รูดบัตรเกินวงเงิน
      3. ถูกแรงดึงดูดจากบัตรเครดิตโน้มน้าวใจ เช่น มีของแถมมาล่อใจจนต้องใช้จ่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น